รวบแล้ว ปาล์ม หัวไผ่ โจ๋หนึ่งในสองยิงกราดคู่อริกลางแยก ขณะที่พี่ชายมือยิงยังหลบหนีสารภาพแค้นเรื่องเก่า ด้านตำรวจเชิญแม่พูดคุยขอให้มือยิงมอบตัว
ภาพวงจรปิดบริเวณแยกเทศบาบเมืองอ่างทอง ต.ตลาดหลวง อ.เมือง จ.อ่างทอง จับภาพรถปิคอัพของกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุกราดยิงคู่อริเมื่อคืนที่ผ่านมาโดยรถของมือปืนซึ่งมีนายดิตถพงษ์ หรือปาล์ม จิตวิปูน อาย 20 ปีเป็นคนขับและมีนายพลวรรษ หรือป๊อป จิตวิปูน อายุ 22 ปีพี่ชายเป็นคนนังขับประกบรถของนายนฤเบศ หรือบอล พลเรือน อายุ 25 ปี ก่อนที่นายป๊อปจะใช้อาวุธปืนขนาด .32 ยิงใส่จำนวน 6 นัดโดยเหตุการณืเกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังตับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอ่างทองจะควบคุมตัวนายปาล์มซึ่งเป็นคนขับรถคันก่อเหตุได้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาที่บ้านในหมู่ที่ 5 ต.หัวไผ่ อ.เมือง จ.อ่างทอง พร้อมรถปิคอัพอีซุซุ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน บฉ 1020 อ่างทอง ซึ่งเป็นรถคันที่ใช้ในการก่อเหตุ แต่ไม่พบนายป๊อปมือยิงที่คาดว่าหลบหนีไปก่อนที่จะนำตัวนายปาล์มไปตรวจค้นที่บ้านเพื่อหาหลักฐานและนำตัวมาสอบสวน
นายปาล์มเล่าให้ฟังว่าก่อนเกิดเหตุตนกับนายป๊อปพี่ชายขับรถมาตามถนนสายอ่างทอง-สิงห์บุรี ในตำบลย่านซื่อ อ.เมือง จ.อ่างทอง เมื่อขับมาจนใกล้ถึงจุดเกิดเหตุจำได้ว่ารถนายบอลคู่อริเก่าขับอยู่ทางด้านหน้าจึงขับรถขึ้นประกอบด้านข้างก่อนที่นายป๊อปพี่ชายตนจะใช้อาวุธปืนยิงใส่และขับรถกลับบ้าน ส่วนนายป๊อปพี่ชายตนหลบหนีไปยังมีทราบว่าไปอยู่ที่ไหนจนกระทั่งเช้าตำรวจเข้าไปจับกุมตนที่บ้าน สำหรับสาเหตุเกิดจากเรื่องเก่าที่กลุ่มของตนกับกลุ่มของนายบอลมีเรื่องกันที่บริเวณแยกไฟแดงเรือนจำเมื่อคืนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาโดยนายปาล์ม ถูกกลุ่มของนายบอลฟันด้วยของมีคมเป็นบาดแผลฉกรรจที่ศีรษะและตามลำตัว และเพื่อนของนายปาล์มรวมถึงนายป๊อปถูกไล่ยิงต้องหนีกันกระจัดกระจายเป็นสาเหตุให้เกิดความแค้นเมื่อเจอรถของนายบอลจึงขับไล่ตามเพื่อยิงแก้แค้น
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวนางสายชล จิตวิปูนอายุ 55ปี มาราดาของนายป๊อปและพี่สาวมาพูดคุยเพื่อเจรจาให้ติดต่อนายป๊อบเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานทุกอย่างครบถ้วนและเตรียมออกหมายจับตัวนายป๊อปมาดำเนินคดีในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น พกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ส่วนนายปาล์มทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
ทรงวุธ กลิ่นสุคนธ์/ข่าว
