ญาติแคลงใจ หอบศพสาว จ.เลย ผูกคอตายกลับบ้านเกิด ถูกผู้ใหญ่บ้านสั่งห้ามทำพิธี หวั่นแพร่เชื้อโควิด พี่สาวระบุ ถูกตราหน้าเป็นคนลาว ห้ามเข้าหมู่บ้าน เจอวัดตรงไหนให้จอดเผาตรงนั้น
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 19 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้รับเรื่องร้องเรียนจาก น.ส.จองผา หมื่นระวัง อายุ 33 ปี ชาว จ.เลย ว่าภายหลังจากที่ น.ส.วันณา หมื่นระวัง อายุ 28 ปี น้องสาวตนเอง ได้ใช้สายไฟฟ้าผูกคอตายภายในห้องเช่า เลขที่ 244/106 ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา โดยทางญาติได้เคลื่อนย้ายศพกลับไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนา ที่วัดป่าใต้บ้านนาจาน ต.ปากตม อ.เชียงคาน จ.เลย ซึ่งเคลื่อยย้ายออกไปประมาณครึ่งทางแล้ว ก่อนที่ได้รับสายโทรศัพท์จากผู้ใหญ่ในพื้นที่ดังกล่าว ว่าห้ามนำศพกลับมาทำพิธีในหมู่บ้านโดยเด็ดขาด เนื่องจาก จ.ชลบุรี เป็นพื้นที่สีแดง หวั่นเกรงว่าจะมีการแพร่เชื้อโควิด 19 อีกทั้งทางญาติผู้เสียชีวิต ยังถูกตราหน้าว่าเป็นครอบครัวคนลาว เจอวัดตรงไหนก็เผาตรงนั้น ส่งผลให้ทางญาติเกิดความเศร้าสลดใจ และเคืองใจกับคำพูดของผู้ใหญ่ จึงได้เคลื่อนย้ายศพกลับมาบำเพ็ญกุศลทางศาสนาที่วัดจุกกะเฌอ ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
น.ส.จองผา หมื่นระวัง อายุ 33 ปี พี่สาวผู้เสียชีวิต กล่าวว่า โดยพื้นเพแล้ว ครอบครัวตนเองเป็นคน อ.เชียงคาน จ.เลย แต่ทางต้นตระกูล ก็มีเชื้อสายเป็นคนลาว เมื่อโตขึ้นต่างก็แยกย้ายออกมาทำในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ส่วนน้องสาว ได้มาทำงานโรงงานที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จนกระทั่งมาเกิดเหตุสลดใจขึ้น เมื่อน้องสาวผูกคอตาย ส่งผลให้ทางญาติมีความประสงค์ที่จะนำศพน้องสาว กลับไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนา ที่บ้านพัก ต.ปากตม อ.เชียงคาน จ.เลย ตนเองก็ได้โทรศัพท์ติดต่อแม่ ให้ประสานขออนุญาติผู้ใหญ่ และอาสาสมัครสาธารณสุข ว่าจะมีการตั้งศพสวดอภิธรรมศพที่บ้านพัก ในขณะนั้นทางผู้ใหญ่ ก็ตกปากคำว่าสามารถทำได้ ตนเองจึงได้ทำเรื่องเคลื่อนย้ายศพน้องสาว จากพื้นที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี กลับบ้านทันที
น.ส.จองผา หมื่นระวัง กล่าวต่อทั้งน้ำตาว่า แต่พอเคลื่อนย้ายมาถึงบริเวณ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ตนเองก็ได้รับสายโทรศัพท์จากแม่ บอกว่าทางผู้ใหญ่สั่งห้ามเคลื่อนย้ายศพกลับมาทำพิธีทางศาสนาแล้ว ตนเองจึงได้โทรศัพท์ติดต่อไปพูดคุยกับทางผู้ใหญ่บ้านด้วยตนเอง เพื่อขออนุญาติย้ายศพน้องสาวไปทำพิธีที่วัดแทน แต่ปรากฎว่า ถูกต่อว่ากลับมาด้วยถ้อยคำที่ไม่สุภาพ ทั้งการหวั่นเกรงว่าศพน้องสาว มาจาก จ.ชลบุรี อาจจะนำเชื้อโควิด 19 ไปแพร่ในพื้นที่ ทั้งๆ ที่มีใบรับรองแพทย์แล้วว่า สาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากการขาดอากาศหายใจ อีกทั้งยังกล่าวหาว่าครอบครัวตนเองเป็นคนลาว ห้ามเข้าหมู่บ้านโดยเด็ดขาด ตนเองก็บอกกลับไปว่าออกมาได้ครึ่งทางแล้ว จะให้ตนเองทำยังไง ทางผู้ใหญ่บ้านยังระบุอีกว่า เจอวัดตรงไหนก็จอดเผาวัดนั้นและ ส่งผลให้ตนเองน้ำตาไหล ไม่คิดว่าผู้ใหญ่ที่เคยเห็นหน้า เห็นตากันมาตั้งแต่ตนเองยังเล็กๆ จะพูดคำนี้ออกมา
อย่างไรก็ตามตนเองได้นำศพน้องสาว กลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลทางศาสนาที่วัดจุกกะเฌอ ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นเวลา 3 คืน โดยที่ทางวัดไม่ได้ห้ามแต่อย่างไร โดยทางผู้เป็นแม่ ต้องเดินทางนั่งรถโดยสาร มาจาก จ.เลย เพื่อนำพิธีทางศาสนาลูกสาวตนเอง ทั้งๆ ที่ ใจจริงครอบครัวอยากพาศพน้องสาวกลับไปบำเพ็ญกุศล ที่บ้าน แต่ทำไม่ได