สระแก้ว-ทำแผนโจรจี้สาวเข้าโรงแรม
*****ตำรวจวังน้ำเย็น คุมตัวผู้ต้องหาจี้สาวเข้าโรงแรมหวังข่มขืน ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก่อนนำตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดสระแก้วในวันพรุ่งนี้///
*****เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 18เม.ย.64 พ.ต.ท.พูลศักดิ์ นานันท์ รอง ผกก.(สอบสวนน) สภ.วังน้ำเย็น อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว พร้อมด้วย ร.ต.อ.ประพันธ์ พุฒมี รองสว.(สอบสวน) สภ.วังน้ำเย็น และตำรวจชุดสืบสวน สภ.วังน้ำเย็น ได้รวบรวมพยานหลักฐานโดยนำ ผู้ก่อเหตุนายอลงกรณ์ รักษา หรือ ไผ่ อายุ 29 ปี ซึ่งเคยถูกจับกุมในคดีชิงทรัพย์ และยาเสพติดตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย. 2556 และเพิ่งพ้นโทษจากเรือนจำกบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรีได้เพียง 3 วันก่อนมาก่อเหตุซ้ำอีก ไปทำแผนจุดที่หน้าธนาคารกสิกรไทย สาขาวังน้ำเย็นที่คนร้ายบังคับผู้เสียหายขึ้นรถเก๋งขับไปเรื่อยๆ จุดที่สองบริเวณขับรถชนรถเก็บขยะห่างจากจุดเดิมประมาณ 400 เมตร มีชาวบ้านมามุงดูการทำแผนและไปที่สามที่คนร้ายลงจากรถวิ่งหลบหนีเข้าป่าด้านหลังตลาดส่วนจุดที่เป็นจุดท้ายที่ไปทิ้งมีดและหลบหนีหายไป
***** ทั้งนี้ พ.ต.ท.พูลศักดิ์ นานันท์ รอง ผกก.(สอบสวนน) สภ.วังน้ำเย็น เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสระบุรี และสืบสวน สภ.วังน้ำเย็น ได้ลงพื้นที่ค้นหาพบว่ามีกล้องวงจรปิดจับภาพผู้ต้องหากำลังเดินทางด้วยเท้า บริเวณถนนบายพาสเส้นตะกุด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการแกะรอยตามภาพวงจรปิดไปจับกุมตัวได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการส่งตัวเข้ามาทำการสอบสวนที่ สภ.เมืองสระบุรี นายไผ่ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนเองออกจากคุกมาได้ 2-3 วันในข้อหามีครอบครองยาบ้าที่ จ.จันทบุรี และค้าของหนีภาษี ติดคุกมาร่วม 4 ปี จากนั้นเมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้ออกจากคุก ตนได้ขับรถจักรยายนต์ไปพบผู้เสียหาย กำลังยืนอยู่หน้าตู้ ATM จึงได้ใช้อาวุธมีดเข้าไปเพื่อจะชิงทรัพย์ ขณะนั้นไม่สามารถกดเงินออกมาได้ จึงทำการใช้อาวุธมีดจี้บังคับผู้เสียหายให้ขับรถยนต์เก๋งไปข้างนอก โดยที่ตนเองนั่งหลัง แล้วใช้อาวุธมีดอยู่บังคับอยู่ในรถ เพื่อบังคับขู่ให้ไปโรงแรม และจะให้นั่งตักไปในรถ แต่ไม่ได้จะข่มขืน จนมาถึงที่เกิดเหตุนางสาวศุภวรรณเห็นรถขยะ แล้วเข้าพุ่งชน จากนั้นตนเองก็ได้หลบหนีการจับกุม โดยมาที่จังหวัดสระบุรี มาหาลุงโดยที่ลุงไม่รู้
*****พ.ต.ท.พูลศักดิ์ นานันท์ รอง ผกก.(สอบสวนน) สภ.วังน้ำเย็น เปิดเผยอีกว่า นายอลงกรณ์ รักษา หรือ ไผ่ อายุ 29 ปี รับสารภาพทุกข้อกล่าวหาจึงได้พาไปทำแผนประกอบเป็นหลักฐานสำนวนคดีและตั้งข้อกล่าวว่าในความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใด ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.
***ภาพ/วีระยุทธ สารการ /ข่าว สมศักดิ์ สารการ /บูรพาทีวีออนไลน์ รายงาน