ชาวบ้านจันทบุรี ร้อง กมธ.กฎหมายฯ ขอความเป็นธรรม ถูกดำเนินคดีบุกรุกป่า หวั่นเป็นแพะรับบาป

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568 เวลา 13.00 น. ที่ห้องแถลงข่าว อาคารรัฐสภา สส.วรายุทธ ทองสุข พร้อมด้วยนายสุวรรณ บัวโรย ผู้เชี่ยวชาญประจำตัวและที่ปรึกษาด้านกฎหมาย นำผู้เสียหายเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอความเป็นธรรมในคดีถูกกล่าวหาบุกรุกป่า ทั้งที่มีพยานและหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์อย่างชัดเจน เพื่อให้ตรวจสอบกระบวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 31/2568 สถานีตำรวจภูธรมะขาม จังหวัดจันทบุรี ซึ่งผู้ร้องเชื่อว่ามีความไม่เป็นธรรมในขั้นตอนการดำเนินคดี โดยมี ส.ส.เกียรติคุณ ต้นยาง ที่ปรึกษาคณะ กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียน

ผู้ร้องประกอบด้วย นางอมรรัตน์ ขำสำอาง และ นายวีระเดช ผลสวัสดิ์ ซึ่งถูกกล่าวหาว่า “ร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า และร่วมกันทำไม้หวงห้าม” ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ทั้งที่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าทั้งสองเป็นเพียงผู้รับซื้อต้นยางพาราในที่ดินเอกสารสิทธิ์ ภ.บ.ท.5 และได้ดำเนินการโดยสุจริต ภายใต้การตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้
มีพยานบุคคลและเจ้าหน้าที่จากหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้เขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี ยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่นอกเขตป่าสงวนและอุทยานแห่งชาติ นอกจากนี้ นางชลอ รักซ้อน พยานผู้เห็นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 ให้การยืนยันว่า ผู้ร้องไม่ได้เป็นผู้ตัดไม้หรือใช้เครื่องจักรกลใด ๆ ในพื้นที่ แต่เป็นบุคคลอื่นซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น โดยมีหลักฐานเป็นภาพถ่าย คลิปวิดีโอ และเสียงบันทึกเหตุการณ์ที่สามารถระบุผู้กระทำผิดตัวจริงได้อย่างชัดเจน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่อสำนักงานอัยการจังหวัดจันทบุรี เพื่อขอให้มีการสอบสวนเพิ่มเติม หลังพบข้อพิรุธในชั้นสอบสวน โดยเฉพาะขั้นตอนการตรวจยึดของกลาง ซึ่งเป็นเพียงเลื่อยยนต์เก่าที่ผู้ร้องนำมามอบให้เจ้าหน้าที่ตามคำขอของพนักงานสอบสวนเอง มิได้ใช้ในการกระทำผิดจริง

นายสุวรรณ บัวโรย กล่าวว่า คดีนี้มีพยานหลักฐานชัดเจนว่าผู้ร้องกระทำโดยสุจริต มีเจ้าหน้าที่รัฐรับรองพื้นที่ก่อนการตัดไม้ แต่กลับถูกดำเนินคดีอาญาอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งอาจเข้าข่ายสร้างพยานหลักฐานเท็จในชั้นสอบสวน เราจึงต้องขอให้คณะกรรมาธิการฯ ตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อคืนความยุติธรรมให้แก่ผู้บริสุทธิ์ ขณะเดียวกัน ผู้ร้องยังขอให้คณะกรรมาธิการฯ มีหนังสือถึงสำนักงานอัยการจังหวัดจันทบุรี เพื่อให้สั่งสอบสวนเพิ่มเติม รวมถึงเรียกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่เกี่ยวข้อง เช่น นายสงกรานต์ เกตุอรุณ หัวหน้าหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้เขาคิชฌกูฏ และเจ้าหน้าที่ผู้ลงตรวจพื้นที่ มาชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมเสนอให้มีมาตรการคุ้มครองพยาน เนื่องจากคดีนี้เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่

Related posts