จ.นนทบุรี – “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” พาสาวร้องขอความเป็นธรรม หลัง รพ.ผ่าตัดท่อไตรั่วจนปัสสาวะไหลตลอดเวลา

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 20 มิ.ย. 68 ที่กระทรวงสาธารณะสุข จ.นนทบุรี “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” พาน.ส.อ้อม (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี เดินทางเข้าพบ ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ช่วยเหลือหลังมีอาการปวดท้องรุนแรง มีเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด จึงไปตรวจที่คลีนิคแห่งหนึ่ง พบว่ามีอาการเยื่อยุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ แพทย์ที่ทำการตรวจ จึงแนะนำให้ไปรักษาตัวต่อที่รพ.เอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ในจ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งแพทย์ที่ทำการผ่าตัดเป็นบุคลาการของโรงพยาบาลแห่งนี้ หลังทำการผ่าตัดเกิดการผิดพลาด ทำให้ท่อไตรั่วจนปัสสาวะไหลตลอดเวลา แพทย์ที่ทำการผ่าตัดยอมรับว่าเป็นอุบัติเหตุในการผ่าตัด ถึงแม้จะได้รับการผ่าตัดซ่อมท่อไตแล้ว แต่ยังมีความเสี่ยงที่ท่อไตจะกลับมาตีบได้ 5% ทำให้ได้รับความเดือดร้อนในการดำรงชีวิต ขาดรายได้ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

น.ส.อ้อม (ผู้เสียหาย) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 67 ตนไปตรวจที่คลินิกแห่งหนึ่ง ในจ.ฉะเชิงเทรา พบว่ามีอาการเยื่อยุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ แพทย์ให้ทำการรักษาด้วยการทานยาและดูอาการเรื่อยๆ จนถึงเดือน ธ.ค. 67 แพทย์จึงแนะนำให้เลือกระหว่างการทานยากับการผ่าตัด หลังจากนั้นตนจึงไปปรึกษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งทางแพทย์ยืนยันว่าจะต้องทำการรักษาด้วยการผ่าตัด จนเมื่อถึงเดือน ม.ค. 68 ตนมีประจำเดือนผิดปกติและมีชิ้นเนื้อหลุดออกมาจากช่องคลอด จึงได้กลับไปที่คลีนิคและแพทย์แนะนำให้ต้องผ่าตัดที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งแพทย์เป็นบุคลากรของโรงพยาบาลแห่งนี้ด้วย

ตนได้เข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัด วันที่ 12 ก.พ. 68 และออกจากโรงพยาบาลวันที่ 15 ก.พ. 68 หลังออกจากโรงพยาบาลในคืนนั้นต้องกลับมาแอดมิทฉุกเฉิน มีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง พะอืดพะอมและหายใจไม่สะดวก แพทย์ให้นอนโรงพยาบาลเพื่อสังเกตอาการ และออกจากโรงพยาบาลวันที่ 17 ก.พ. 68 หลังวันที่ 23 ก.พ. 68 ตนเริ่มมีอาการผิดปกติ มีไข้ มีน้ำใสๆไหลออกมาจากช่องคลอดตลอดเวลา ซึ่งตนได้กลับไปพบแพทย์ ซึ่งแพทย์ระบุว่าเป็นผลข้างเคียงจากการผ่าตัด และให้ยากลับมาทาน แจ้งว่า 3 วัน อาการจะดีขึ้น แต่กลับไม่ดีขึ้น

หลังจากนั้น วันที่ 2 มี.ค. 68 ตนได้กลับมาพบแพทย์อีกครั้ง และให้พบแพทย์ทางเดินปัสสาวะ โดยแพทย์สงสัยว่ากระเพาะปัสสาวะรั่วหรือท่อไตรั่ว แนะนำให้ข้าพเจ้าทำการฉีดสีและ CT Scan และทำเรื่องไปยังบริษัทประกันฯ เพื่อให้บริษัทฯพิจารณาความคุ้มครองก่อนการทำหัตถการ ตนจึงได้ทำการย้ายโรงพยาบาลเพราะรู้สึกไม่เชื่อมั่นในการรักษา เพราะแพทย์ไม่สามารถระบุสาเหตุให้ได้ว่าอาการที่พบเกิดจากสาเหตุอะไร

เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 68 ตนได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งที่สอง แพทย์ได้ทำการฉีดสีและ CT Scan ให้ทันที พบว่าไตด้านขวาเริ่มมีอาการบวม ท่อไตด้านขวาเสียหาย มีรอยรั่ว มาจากการผ่าตัดที่ผิดพลาด ตนจึงแจ้งความเสียหายไปยังโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรก รู้สึกรับไม่ได้เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้น แพทย์ที่ทำการผ่าตัดยอมรับว่าเป็นอุบัติเหตุในการผ่าตัดและมีการกล่าวคำขอโทษต่อหน้าตน และทางโรงพยาบาลตกลงเป็นวาจาว่าจะทำการผ่าตัดซ่อมท่อไตและดูแลตนไปถึงอนาคต โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ซึ่งในการผ่าตัดซ่อมท่อไตครั้งนี้ โรงพยาบาลเสนอว่าจะเรียนเชิญแพทย์ดังจากโรงพยาบาลอื่นมาทำการผ่าตัดให้

หลังทำการผ่าตัดซ่อม ต้องพักฟื้นนานกว่า 3 เดือน ใส่สายสวนปัสสาวะและสายสวนท่อไต นอนโรงพยาบาลประมาณ 9 คืน ซึ่งหลังผ่าตัดอาการดีขึ้น แต่แพทย์แจ้งว่ามีโอกาสที่ท่อไตจะกลับมาตีบในอนาคต 5% ไม่สามารถระบุได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่

 

ปัจจุบันมีการเจรจามากกว่า 3 รอบ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป การเจรจารอบที่ 2 มีสัญญามาให้เซ็น แต่มีข้อความระบุว่าทางแพทย์และโรงพยาบาลได้ปฏิบัติตามมาตรฐาน ทางตนจะไม่เรียกร้อง แจ้งความดำเนินคดี หรือร้องสื่อใดๆ และทางโรงพยาบาลไม่มีการเสนอค่าเยียวยา ตนมองว่ามันไม่ยุติธรรมจึงไม่ยอมเซ็น เหมือนเป็นการมัดมือชกเกินไป ตนอยากให้โรงพยาบาลรับผิดชอบในการชดเชยรายได้ การทุกข์ทนทรมานร่างกายและสภาพจิตใจ ตกลงด้วยตัวเลข 2 ล้านบาท ซึ่งทางโรงพยาบาลไม่ได้ตอบรับใดๆ ตนอยากให้ทางโรงพยาบาลเข้าใจความรู้สึกของตน ในขณะที่รักษาตัวตนต้องขาดรายได้ ถึงแม้ตอนนี้อาการจะดีขึ้น 95% แต่ก็ยังรู้สึกกลัวในอีก 5% ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง กล่าวว่า วันนี้ตนได้พาผู้เสียหายที่มีอาการผิดปกติในมดลูก และทำการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในจ.ฉะเชิงเทรา หลังผ่าตัดเกิดการผิดพลาด ทำให้ท่อไตรั่ว ปัสสาวะไหลตลอดเวลา หลังจากนั้นมีการรักษาต่อเนื่อง และเปลี่ยนโรงพยาบาล เราไม่ได้ปักปรำว่าทางโรงพยาบาลผิด 100% แต่ปัญหาที่เกี่ยวกับแพทย์หรือโรงพยาบาลต้องพึ่งกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าสาเหตุของการผ่าตัดที่ผิดพลาดเกิดจากอะไร จากคนที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพที่มดลูก ต้องตัดทิ้ง กลับกลายเป็นอวัยวะที่ปกติต้องมีเปอร์เซ็นต์เสี่ยงอุดตัน ในอนาคต ซึ่งทางแพทย์ที่ทำการรักษาได้ออกมายอมรับว่าเป็นความผิดพลาดจากการผ่าตัดจริง ทางโรงพยาบาลควรรับผิดชอบโดยการรักษาผู้เสียหายจนกว่าจะหายเป็นปกติและเยียวยาในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่สูญเสียไปทั้งรายได้ ที่ต้องทำการรักษาตัวนานกว่า 3 เดือน และสภาพจิตใจ อยากฝากถึงทางโรงพยาบาล ตนเชื่อว่าทางโรงพยาบาลมีความรับผิดชอบ ต่อให้จะเป็นความผิดพลาดของแพทย์ในโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลในฐานะผู้บริหารควรใส่ใจให้มากกว่านี้ ไม่ต้องให้รออย่างไม่มีความหวัง อยากให้ออกมารับผิดชอบและเยียวยาผู้เสียหาย

 

ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันนี้ทางคุณต้นอ้อ จากมูลนิธิเป็นหนึ่ง ได้พาผู้เสียหายเข้ามาขอความเป็นธรรมหลังทำหัตถการผ่าตัดมดลูก พบว่าหลังผ่าตัดมีอาการปัสสาวะลีบ ต้องตรวจสอบว่าเป็นผลข้างเคียงจากการผ่าตัดหรือไม่ ตนจะดำเนินการทำหนังสือไปยังสาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงพยาบาลและคลีนิค ว่ามีผลรายงานการรักษาเป็นอย่างไร ตามวิธีการปฏิบัติหรือไม่ หากพบว่ามีการผิดพลาดเกิดขึ้นจริงจะต้องรับผิดชอบในเรื่องของค่าสินไหมทดแทน และดูแลผู้ป่วย ทำการรักษาให้หาย และให้อยู่ในสภาพที่สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติ โดยต้องติดตามและเฝ้าระวังต่อไป

 

ดร.นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ รองโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ทางผู้เสียหายได้มาปรึกษาและนำผลการทำรังสีมาด้วย โดยในเอกสารมีระบุว่าท่อปัสสาวะด้านขวามีการรั่วจริง ซึ่งผลการรักษาตรงนี้เป็นการระบุอาการที่เกิดขึ้นแต่ยังไม่ได้มีข้อสรุปว่าเกิดขึ้นจากสาเหตุใด หลังจากนี้จะต้องทำการประสานต่อกับแพทย์ที่ทำการรักษา และเคยดูแลไว้ รวมถึงสาธารณสุขจังหวัดจะต้องเข้าไปตรวจสอบเพิ่มเติม ว่าอาการดังกล่าวเกิดขึ้นจากเหตุผลใด จากการผ่าตัดหรือไม่ หากเกิดขึ้นจากการผ่าตัดจะต้องมีการพูดคุยเยียวยา ดูแลรักษาเพื่อให้ผู้เสียหายมีสุขภาพที่ดีขึ้น.

ภาพข่าว : ฉัตรมงคล สิงห์โต ผู้สื่อข่าวจังหวัดนนทบุรี

Related posts