กรุงเทพฯ-รวบหนุ่มออสเตรเลีย พยายามส่งออก ยาไอซ์ 22 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 6.6 ล้านบาท

รวบหนุ่มออสเตรเลีย พยายามส่งออก ยาไอซ์ 22 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 6.6 ล้านบาท
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ท่าอากาศยานและคลังสินค้า กรมศุลกากร และหน่วงงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการปฏิบัติการ่วมกันในการจับกุมผู้โดยสารสัญชาติออสเตรเลีย พยายามส่งออกเมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) น้ำหนักร่วม 22 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 6.6 ล้านบาท
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 ที่ อาคารเทียบเครื่องบิน Concourse A ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ตำบลหนองปรือ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ / นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี กรมศุลกากร / พลอากาศตรี นิวัติ พูนสิน ผู้บังคับทหารอากาศดอนเมือง ผู้แทน ฉก.333 / นายพีรพงศ์ รำพึงจิตต์ ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการสกัดกั้นยาเสพติดท่าอากาศยานและท่าเรือ / พันตำรวจเอก ทองรชฎ เหรียญสุวงษ์ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ / และ พันตำรวจโท ภัทราดร ภิรมย์ภู่ รองผู้กำกับการสืบสนวนปราบปราม กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม MR.TRAN HUYBAO KHANG อายุ 28 ปี สัญชาติออสเตรเลีย พยายามส่งออกเมทแอมเฟตามีน (ยาไอซ์) น้ำหนักร่วม 22 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 6.6 ล้านบาท ที่ถูกบรรจุอยู่ภายในกระเป๋าสัมภาระ จำนวน 2 ใบ


สืบเนื่องจาก เมื่อ วันที่ 18 พฤษภาคม 2568 เวลา 06.45 น. เจ้าหน้าที่ตรวจค้น ฝ่ายรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปฏิบัติหน้าที่ประจำห้องวิเคราะห์ภาพ (On Screening Resolution Room : OSR) และ ตรวจสอบสัมภาระ (Baggage Inspection Room : BIR) ตรวจพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายสารเสพติดบรรจุอยู่ในกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสาร จำนวน 2 ใบ ในเที่ยวบินของสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 461 ซึ่งมีกำหนดออกเดินทางจาก ทสภ. ไปยังเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย โดยในเวลา 07.40 น. เจ้าหน้าที่ตรวจค้น ได้ประสานเจ้าหน้าที่ของสายการบิน เจ้าหน้าที่ส่วนตระเวนระงับเหตุ และเจ้าหน้าที่ศุลกากร ในการนำกระเป้าดังกล่าวไปเปิดข้างเครื่อง ณ บริเวณ Gate D 6 และได้เชิญตัวผู้โดยสารเจ้าของกระเป๋ามาร่วมเปิดกระเป๋า พบภายในเป็นสารเสพติดประเภท เมทแอมเฟตามีน (ยาไอซ์) เจ้าหน้าที่ศุลกากรจึงได้นำกระเป๋าไปตรวจสอบอย่างละเอียดที่สำนักงานศุลกากรอีกครั้ง ภายหลังการตรวจสอบพบยาไอซ์บรรจุอยู่ในกระเป๋า จำนวน 22 กิโลกรัม (ซึ่งภายหลังทราบชื่อ) เป็นของ Mr.Tran Huybao khang อายุ 28 ปี สัญชาติออสเตรเลีย เจ้าหน้าที่ศุลกากรจึงได้ทำบันจับกุม เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนพิธีการทางกฎหมายศุลกากรต่อไป


นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี กรมศุลกากร กล่าวว่า วันนี้เป็นการแถลงข่าวการบูรณาการหน่วงงานในการจับกุมยาไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน พยายามลักลอบส่งออกไปยังเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย นำหนัก 22 กิโลกรัม มูลประมาณ 6.6 ล้านบาท วันนี้เราบูรณาการหน่วงสกัดกั้นยาเสพติดทางท่าอากาศยานนานาชาติ (Airport Interdiction Task Force : AITF) ที่ปฏิบัติงานร่วมกันในสนามบินสุวรรณภูมิ และก็มี ฉก.333 ซึ่งแต่ตั้งโดยคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีมาร่วมด้วย การจับกุมครั้งนี้ต้องชื่นชมทางเจ้าหน้าที่ของบริษัท AOT ซึ่งเขาเห็นความผิดปกติในความหนาแน่นของกระเป๋าผู้โดยสาร ตอนแรกคิดว่าจะเป็นกัญชา จึงได้มีประสาทเจ้าหน้าที่ศุลกากรในพื้นที่ร่วมกันตรวจสอบก็พบว่าเป็นยาไอซ์ โดยเจ้าของกระเป๋าเป็นผู้โดยสารชาวออสเตรเลีย พยายามจะนำยาไอซ์นี้ไปยังประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเมื่อไปถึงก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า


นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า ผู้โดยสารนำกระเป๋ามาเช็คอินปกติทุกอย่าง กระเป๋าใบนี้ก็ไหล่เข้าสู่ระบบการตรวจเช็คของสนามบินเป็นปกติทุกอย่าง แต่เครื่องเอกซเรย์ของสนามบินจับความผิดปกติของความหนาแน่นกระเป๋าได้ เครื่องก็เลยส่งกระเป๋าใบนี้เข้าไปในห้องที่ตรวจสัมภาระ (Baggage Inspection Room : BIR) ซึ่งเป็นห้องที่เจ้าของหน้าที่ของฝ่ายรักษาความปลอดภัย ตรวจสัมภาระผู้โดยสาร ตรวจละเอียดโดยใช้คน พอตรวจแล้วก็เริ่มไม่มั่นใจว่ามันไม่ปกติ จึงได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ศุลกากร และตำรวจ เข้ามาตรวจสอบ เปิดมาก็พบว่าเป็น ไอซ์ นำหนักประมาณ 22 กิโลกรัม ก็ได้ดำเนินการเชิญตัวผู้โดยสารซึ่งตอนนั้นไปรอขึ้นเครื่องเรียบร้อยแล้ว เพราะเขาก็คิดว่ากระเป๋าเขาออนบอร์ดไปกับตัวเขา เราก็ทำการเชิญลงมาส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินคดีต่อไป
นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี กรมศุลกากร กล่าวเพิ่มอีกว่า ตรงนี้ตนเข้าใจว่าเป็นกระบวนการไม่ได้ขายเอง อย่างเคสที่ผ่าน ๆ มา ที่เป็นชาวต่างชาติก็คือจะเป็นผู้ขน ก็จะมีแก๊งที่เป็นแก๊งใหญ่ที่อยู่ประเทศปลายทาง แล้วเอาของไปส่ง ก็อาจจะเป็น ติดหนี้เขาไว้ หรือ ว่าได้รับค่าจ้างในการขน แต่ว่าไม่ใช่คนขายเอง ส่วนเรื่องที่นำยามาจากไหนตอนนี้อยู่ในชั้นพนักงานสอบสวนไม่สามารถบอกได้ แต่ว่าเราส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีแล้ว
****************************
เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ จ.สมุทรปราการ

Related posts