นครปฐม-ไวยาวัจกร วัดไร่ขิงฯ พบตำรวจให้ข้อมูลประกาศชัดใครผิดว่าไปตามผิด

นครปฐม160568ไวยาวัจกร วัดไร่ขิงฯ พบตำรวจให้ข้อมูลประกาศชัดใครผิดว่าไปตามผิด

ไวยาวัจกร วัดไร่ขิง พระอารามหลวง พบบิ๊กเต่า ยืนยันไม่มีปิดบังการให้ข้อมูลและขอให้เป็นไปตามกระบวนการใครผิดว่าไปทำผิดใครถูกก็ว่าไปตามถูก โดยชี้แจงว่าวัดไร่ขิงไม่ได้มีเงินเหลือมากถึงหลักร้อยล้าน และการลงนามสั่งจ่ายเงินออกจะต้องมีคณะกรรมการร่วมกับเจ้าอาวาสสองในสาม ในการลงนามเบิกจ่ายเงิน แต่ในส่วนบัญชีย่อยเช่นวัตถุมงคลหรือบัญชีที่มีผู้อื่นเปิดอยู่ภายในวัดไม่ทราบว่ามีกี่บัญชี ส่วนที่ตนเองดูแลมีเพียงห้าถึงหกบัญชีเท่านั้น และไม่ทราบเรื่องส่วนตัวของอดีตเจ้าคุณแย้ม เพราะจะเข้ามาทำหน้าที่ในช่วงเฉพาะภารกิจของวัดไร่ขิง พระอารามหลวงเท่านั้น ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำเอกสารจาก กุฎิของอดีตเจ้าคุณแย้ม และเอกสารทางด้านการเงินหลายกล่องขึ้นรถกลับนำไปตรวจสอบเพื่อหาจุดเชื่อมโยง โดยมีรายงานว่าบิ๊กก้อง เปิดวอรูม ในการนำผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำไปพร้อมกัน โดยใช้สถานที่ภายในโรงเรียนในร้อยตำรวจสามพราน ซึ่งคาดว่าน่าจะปรากฏข้อเท็จจริงเร็วๆนี้

วันที่ 16 พ.ค. 68 สื่อข่าวติดตามบรรยากาศที่วัดไร่ขิง พระอารามหลวง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม หลังจากที่พระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค 14 เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ชื้อ หรือ จัดการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบัง หรือ ทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน , เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต” กรณีทุจริตยักยอกเงินจากบัญชีธนาคารของวัดโอนเข้าบัญชีธนาคารส่วนตัว เพื่อนำไปเล่นพนันบาคาร่าออนไลน์ กว่า 300 ล้านบาท ซึ่งได้มีการลาสิกขาต่อหน้าพระพุทธรูปและถูกควบคุมตัวในการสอบสวนตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยพบว่าประชาชนทั่วไปได้เดินทางเข้ามากราบไหว้หลวงพ่อวัดไร่ขิงอย่างต่อเนื่อง และไม่ได้มีผลกระทบใดในการแสดงออกต่อความศรัทธาและเป็นที่พึ่งทางใจของหลวงพ่อแม้จะเกิดข่าวกระแสดังระดับประเทศไปเมื่อวานนี้

โดยเมื่อช่วงเช้าหลังจากที่พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม เจ้าหน้าที่ปปท. ปปป. พร้อมไม่น้อยกว่า 50 นาย ได้เข้านำหมายศาลตรวจค้นกุฏิของอดีตเจ้าคุณแย้ม เพื่อเก็บหลักฐานต่างๆอาทิเช่นคอมพิวเตอร์ กล้องวงจรปิด เอกสารทางด้านการเงินทั้งหมด รวมถึงเอกสารต่างๆที่จะเชื่อมโยงไปถึงการเอาความผิด โดยมีการกระจายกำลังเข้าตรวจค้นทั้งสามจุด ภายในวัดไร่ขิง พระอารามหลวง และอีกหนึ่งจุดซึ่งเป็นบ้านของฆราวาส โดยมีกองทัพสื่อ ได้ติดตามเข้ามาทำข่าวเนื่องจากมีกระแสสังคมทวงถามถึงตัวเลขยอดเงินกว่า 300 ล้านบาท ที่ถูกยักยอกออกไปตามที่ไปข่าวไปตั้งแต่เมื่อวาน ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบร้อยไม่ได้มีการขัดขวางหรือแสดงออกในการต่อต้านจากเจ้าหน้าที่หรือคณะสงฆ์ลูกศิษย์ลูกค้าของอดีตเจ้าคุณแย้ม โดยมีการอำนวยความสะดวกและมอบเอกสารทั้งหมดให้

จากนั้นในช่วงบ่าย ได้มีนายชาตรี สุขถาวร ไวยาวัจกรวัดไร่ขิงพระอารามหลวง ได้เดินทางเข้ามาพบกับพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเข้าร่วมรับฟังข้อมูลและชี้แจงเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินบัญชีของวัดไร่ขิงในส่วนต่างๆ ที่เป็นข้อสงสัยจากการสอบปากคำของอดีตเจ้าคุณแย้ม รวมถึงหญิงที่เป็นนายหน้าเว็บการพนันออนไลน์ ที่ได้ถูกจับกุมไปแล้วเมื่อวานนี้ โดยใช้เวลาในการหารืออยู่ราว 2 ชั่วโมง จึงได้มีการแยกย้ายและกลับออกไปจากวัดไร่ขิง

โดยนายชาตรี ให้สัมภาษณ์ว่า การเบิกจ่ายเงินของไร่ขิงก็มีการ เซ็นลงนามสองในสาม ซึ่งหลังจากช่วงของการแพร่ระบาด ไวรัสโควิด-19 รายได้ของวัดก็น้อยลงไปมาก ไม่ได้มีมากเหมือนกับที่หลายคนคิด ซึ่งวันนี้ได้เห็นยอดการโอนเงินในบัญชีก็มีตั้งแต่หลักหมื่นจนไปถึงหลักหลายล้านบาท ซึ่งการโอนจ่าย ในส่วนของวัดที่ตนเองเห็นก็เป็นส่วน ของเจ้าหน้าที่วัดที่จะต้องรู้และตนเองก็จะเป็นผู้เช็คความถูกต้อง ซึ่งที่ผ่านมาก็เห็นว่าถูกต้องทุกครั้ง ส่วนการถูกอายัดเงินบัญชีของมูลนิธิหรือหรือว่าไร่ขิงนั้นไม่ทราบ เพราะส่วนที่ตนเองดูแลและเห็นอยู่นั้นมีแค่ประมาณห้าถึงหกบัญชี แต่ส่วนบัญชีแยกประเภทต่างๆเอาไว้อันนั้นก็ไม่ทราบเช่นบัญชีของการจัดสร้างวัตถุมงคล ประเภทนี้ตนเองก็จะไม่ทราบว่ามีบัญชีไหนบ้าง ซึ่งก็เป็นไปตามกระบวนการคือการเซ็นออกจะต้องมีการเซ็นจากผู้ลงนามสองใน เช่นเจ้าอาวาส ไวยาวัจกร หรือเจ้าหน้าที่ หรืออาจจะเป็นเจ้าอาวาสกับเจ้าหน้าที่อันนี้ก็มีการลงนามกันโดยที่ตนเองก็จะไม่รู้เห็นทั้งหมดแต่ส่วนที่ตนเองเห็นก็จะรู้ว่ารายจ่ายอันนี้เบิกจ่ายไปกับงานอะไรบ้างเพราะปรากฏงานที่เห็นอย่างชัดเจน ส่วนกระแสของการมีรายได้จากการประมูลร้านค้าที่บอกว่ามีรายได้นับ ร้อยล้านบาท วันไร่ขิง ไม่ได้มีเงินคงคลังเยอะถึงขนาดนั้น ซึ่งยังที่ตนเองเห็นก็จะมีหนึ่งถึงสองล้านบาท หรือสามถึงสี่ล้านบาท คือมีรายได้เข้ามาก็จะมีการจ่ายออกไป เช่นเป็นค่าก่อสร้างต่างๆหรือค่าจ่ายล่วงหน้าเป็นต้น

นายชาตรี บอกว่า ต่อคำถามที่ถามว่า กรรมการวัดเหตุใดถึงไม่ระแคะระคายถึงการเบิกจ่ายเงินจำนวนมาก ต้องบอกว่าคณะกรรมการของวัดไร่หิน พระอรามหลวง จะมีหน้าที่ในการเข้ามากำกับดูแลในส่วนของการจัดงานประจำปีเท่านั้นส่วนการบริหารงานการจัดการทางด้านการเงินคณะกรรมการจะไม่มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องแต่อย่างใดซึ่งคนที่รู้มากมากที่สุดก็จะเป็นตัวของเจ้าอาวาสเองที่จะเป็นผู้รู้มากที่สุด โดยที่วัดไร่ขิงพระอารามหลวง จะมีไวยาวัจกรสามคน ประกอบด้วยสัมภาษณ์ ตนเองนายชาตรี สุขถาวร ไวยาวัจกรวัดไร่ขิง นายพรเทพ ปัถวี นายสันติ อนตุธโต ส่วนพระที่จะมีหน้าที่เปิดบัญชีที่รู้ก็อาจจะมีประมาณเจ็ดถึงแปดรูป ซึ่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสที่นอน อยู่ในกุฎิเดียวกับอดีตเจ้าคุณแย้มก็ไม่ทราบว่ามีการสั่งให้ไปโอนเงินหรือมีบัญชีร่วมกันหรือมีบัญชีอื่นกี่บัญชี หากถามว่าตอนนี้ผมกังวลใจไหมก็ตอบได้ว่ากังวลเพราะถือว่าเราเป็นเจ้าหน้าที่แต่ต้องบอกตรงตรงว่าเราไม่เคยเห็นเงินจำนวนเยอะมากขณะที่ปรากฏเป็นข่าวและวัดไร่ขิงเองก็ไม่ได้มีเงินเก็บเป็นหลักร้อยล้าน

“สำหรับเงินในบัญชีของมูลนิธิวัดไร่ขิง ตอนนี้ก็ไม่ทราบว่าเหลืออยู่เท่าไหร่เพราะเงินของมูลนิธิวัดไร่ขิงก็คือเงินของมูลนิธิเงินของวัดไร่ขิงก็คือเงินของวัดไร่ขิงอาจจะมีการโอนยืมไปยืมมาและจะบริหารจัดการอย่างไรตอนนี้ตนเองก็ไม่ทราบ หรือหากจะถาม ถึงเรื่องส่วนตัวอันนี้ตอบได้ว่าผมก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะว่าไม่เคยไปก้าวล่วง และมาก็ทำหน้าที่เกี่ยวกับวัดเท่านั้น ” นายชาตรีกล่าว

นายชาตรี กล่าวอีกว่า ส่วนในประเด็นที่บอกว่าอดีตเจ้าคุณแย้ม เป็นคนยากจนเป็นลูกชาวไร่ชาวนาแต่ปัจจุบันทำไมถึงมีบ้านราคา 10,000,000 – 20,000,000 บาท อันนี้ต้องถามกลับไปว่ามีด้วยหรือเพราะตนเองก็ไม่ทราบว่าเค้าจะมีเงินเยอะขนาดนั้นแต่เท่าที่รู้อดีตเจ้าคุณแย้มตอนนี้น่าจะเหลือตัวคนเดียวเพราะญาติญาติน่าจะเสียไปหมดแล้ว ซึ่งก่อนหน้าหน้าที่ไวยาวัจกรวัดไร่ขิง พระอารามหลวง จะออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่รอทำข่าวและเกาะติดสถานการณ์อยู่ด้านนอกในช่วงที่ได้มีการพบกับพลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้มีเสียงเล็ดลอดออกจากห้องประชุมว่า เรื่องนี้จะไม่มีการปกป้องคนผิดใครผิดก็ให้ว่าไปตามผิดและขอให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาด้วย

“สำหรับเรื่องของหญิงคนที่ปรากฏเป็นนายหน้าของเว็บพนัน ผมเองก็ได้ทราบข่าวเมื่อวานนี้ และก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนกรณีที่บอกว่าเคยทำงานอยู่ที่วัดไร่ขิงตนเองยืนยันได้ว่าไม่เคยทำงานถ้ามีผมเองต้องรู้จัก ส่วนหญิงสาวคนสนิทที่มีบ้านหลังใหญ่อยู่ในเขตพื้นที่อำเภอนครชัยศรีเรื่องนี้ก็ไม่ทราบว่าเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งเรื่องทั้งหมดที่มาปรากฏที่ทำให้เรารู้ก็คือเกิดจากเมื่อวานทั้งหมด ซึ่งเวลาไปไหนมาไหนอดีตเจ้าคุณแย้มท่านก็จะไปกับทีมงานของท่านก็จะไปกับพระเลขาซึ่งที่รู้มาคือเค้าจะอยู่ด้วยกันตลอดเกือบ 24 ชั่วโมง ตรงนั้นผมไม่ทราบว่าเค้าไปไหนกันบ้างและที่ไหน ซึ่งการเข้าไปพัวพันในเว็บพนันออนไลน์หรือเรื่องของการมีวิดีโอคอลหรือคลิปที่อยู่ในโทรศัพท์มือถืออันนี้ก็ไม่ทราบเรื่องมาก่อน” นายชาตรีกล่าวอีกครั้ง

ขณะเดียวกันในช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการขนเอกสารทั้งหมดที่นับได้จำนวนไม่น้อยกว่า 11 ลังขึ้นรถกระบะนำออกจากพื้นที่วัดไร่ขิงเพื่อนำไปตรวจสอบและไล่ตัวเลขเส้นทางทางการเงินว่ามีความเสียหายหรือสูญหายไปแล้วจำนวนเท่าไหร่ และมียอดสุทธิเป็นอย่างไร เพื่อนำไป ประกอบกับ คำให้การของอดีตเจ้าคุณแย้ม เจ้าหน้าที่ ของวัดไร่ขิงพระอารามหลวง และส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้มีการแบ่งเจ้าหน้าที่เชิญพระเลขาของอดีตเจ้าคุณแย้ม เข้าให้ปากคำเกี่ยวกับข้อมูลต่างๆไปด้วย

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้มีการเปิดวอรูมในการนำตัวผู้ต้องสงสัยมาทำการสอบปากคำโดยใช้สถานที่ภายในโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน เพื่อแยกกันทำงานในการติดตามรายละเอียดและข้อมูลของกระบวนการทั้งหมดก่อนจะมีการนำเอกสารข้อมูลต่างๆมารวบรวมและสรุปผลครั้งหนึ่ง
ปนิทัศน์ มามีสุข นส.ปณิดา มามีสุข จ.นครปฐม 092-5462794

Related posts