ตร.สงขลาสั่งฟ้องบ.พลวิศว์
พบเอกสารปลอม-ฮั้วประมูลอบจสงขลา
จากกรณีที่อบจ.สงขลา และนายนิพนธ์บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีตนายกอบจ.สงขลา ได้แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสงขลา เอาผิดกับบริษัทพลวิศว์ เทค พลัส จำกัด และบริษัท เอส พี เค ออโต้เทค จำกัด ในข้อหาร่วมกันใช้เอกสารปลอม และตกลงร่วมกันในการเสนอราคา (ฮั้วฯ) โครงการจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ 2 คัน รวมเป็นวงเงิน 51,000,000 บาท ได้ทำสัญญาซื้อขายกันเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2556 โดยมีบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูลด้วยราคา 50,850,000 บาท ขณะที่บริษัท เอส พี เค ออโต้เทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทคูเทียบที่แพ้การประมูล(เสนอราคา 50,900,00 บาท) ซึ่งห่างกันเพียง 50,000 บาท
ความคืบหน้าล่าสุดคดีดังกล่าว ผู้สื่อข่าว รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564 สถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา ได้มีหนังสือแจ้งไปยังองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาเกี่ยวกับการดำเนินการสอบสวนและเห็นควรสั่งฟ้องบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัดโดยนายอิทธิพล ดวงเดือน ในฐานะนิติบุคคลผู้ต้องหาที่ 1 นายอิทธิพล ดวงเดือน ในฐานะส่วนตัว ผู้ต้องหาที่ 2 และนางสาวศศิธร ตั้งตรงคิด กรรมการบริษัท เอส พี เค ออโต้เทค จำกัด ในฐานะส่วนตัว ผู้ต้องหาที่ 3 ในความผิดฐาน ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม ตกลงร่วมกันในการเสนอราคา เพื่อวัตถุประสงค์จะให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานรัฐ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมหรือโดยกีดกันมีให้มีการเสนอสินค้าหรือบริการอื่นต่อหน่วยงานรัฐหรือโดยการเอาเปรียบหน่วยงานรัฐอันมีใช่เป็นไปในทางการประกอบธุรกิจปกติ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 264 และ 268 และตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 4, 14(2) และมาตรา 14 วรรคสาม
จากนั้นวันที่ 5 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อ พ.ต.อ.ภูวรา แก้วพารัตน์ ผู้กำกับ สภ.เมืองสงขลา เพื่อสอบถามรายละเอียด โดยทางพ.ต.อ.ภูวรา ยืนยันว่า ขณะนี้ได้ส่งสำนวนการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องไปยังอัยการจังหวัดสงขลาแล้ว โดยตำรวจได้มีการออกหมายเรียกไปยังผู้ต้องหาทั้ง 2 รายข้างต้น แล้ว ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมาแต่นายอิทธิพล ดวงเดือน และนางสาวศศิธร ตั้งตรงคิด ไม่ได้มาตามหมายเรียก โดยมีหนังสือแจ้งพร้อมใบรับรองแพทย์เนื่องจากมีอาการป่วย เพื่อขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน และส่งตัวพร้อมด้วยสำนวนไปยังอัยการจังหวัดสงขลา ซึ่งโดยกระบวนการต่อจากนี้จะมีการออกหมายเรียกอีก 2 ครั้งหากผู้ต้องหามิได้มาพบพนักงานสอบสวนก็จะออกหมายจับต่อไป
ด้านนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีและโฆษกอัยการปราบปรามทุจริตภาค 9 ได้ให้ความเห็นว่า สำนวนเรื่องเกี่ยวกับการปลอมเอกสารเกี่ยวการจัดซื้อจัดจ้างของคดีดังกล่าว ทางอัยการจังหวัดสงขลาจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะเห็นควรสั่งฟ้องหรือไม่อย่างไร แต่สำหรับสำนวนจากที่ ป.ป.ช.ไต่สวนมาและส่งสำนวนมาให้อัยการคดีทุจริตฯ ภาค 9 พิจารณา ขณะนี้สำนวนได้ทำเสร็จแล้วและอธิบดีฯ ได้ลงนามและกราบเรียนไปยังอัยการสูงสูดที่กรุงเทพฯแล้ว และรออัยการสูงสุดสั่งการต่อไป
และเมื่อผู้สื่อข่าวว่า สำนวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ คดีการฮั๊วประมูลและปลอมเอกสาร สามารถนำมาเชื่อมโยง กับคดีของนายนิพนธ์ที่ถูกปปช.ชี้มูลความผิดไว้แล้วนั้นได้หรือไม่
นายโกศลวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ถูกกล่าวหาในสำนวนปปช.สามารถหยิบยกเรื่องการปลอมเอกสารและฮั๊วประมูลให้ปปช.ขึ้นพิจารณาในชั้นไต่สวนตั้งแต่ต้นได้ ซึ่งหากจะนำสำนวนไปใช้สู่ในชั้นศาลก็สามารถจะนำไปต่อสู้ต่อได้
สำหรับคดีนี้ปปช.ได้ชี้มูลความผิดนายนิพนธ์ บุญญามณี ในขณะที่ดำรงตำแหน่งนายกอบจ.สงขลา ในความผิดกรณีละเลยการปฎิบัติหน้าที่ ไม่สั่งจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์จำนวน 51,000,000 บาท ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในการพิจารณาของอัยการสูงสุด ขณะเดียกันอบจ.สงขลาก็ได้แจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองสงขลา ว่าการประมูลโครงการดังกล่าวเป็นการฮั้วประมูล ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนสอบสวนสั่งฟ้องไปยังอัยการจังหวัดสงขลาแล้ว
ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังนายนิพนธ์ บุญญามณี ซึ่งได้รับการยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวได้ปล่อยไปตามขั้นตามขั้นตอน ทางกฎหมาย และยืนยันว่าได้เตรียมรายละเอียด หลักฐาน เอกสารสำคัญในการต่อสู้ในชั้นศาลเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงอย่างเต็มที่
แต่อย่างไรก็ตามคดีนี้หาก ป.ป.ช. มีการหยิบยกสำนวนในคดีร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม ตกลงร่วมกันในการเสนอราคา ระหว่างบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัดโดยนายอิทธิพล ดวงเดือน และ นางสาวศศิธร ตั้งตรงคิด กรรมการบริษัท เอส พี เค ออโต้เทค จำกัด มาพิจารณา หรือแม้ผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ได้มีการโต้แย้งและหยิบยกเรื่องนี้มาใช้ในการต่อสู่ในชั้นศาล ก็มีโอกาสที่จะส่อแววว่าคดีนี้อาจจะพลิกก็เป็นได้