ครอบครัวหัวร้อนโผล่ที่ขอนแก่น ทะเลาะกับคนในพื้นที่เรื่องทิ้งขยะแล้วไม่พอใจถือมีดออกมาขู่ด่าทอชาวบ้าน

 

ครอบครัวหัวร้อนโผล่ที่ขอนแก่น ทะเลาะกับคนในพื้นที่เรื่องทิ้งขยะแล้วไม่พอใจถือมีดออกมาขู่ด่าทอชาวบ้านพร้อมหาเรื่องผู้ใหญ่บ้านเอาฤกษ์เอาชัยก่อนเดินทางต่อไปที่ร้อยเอ็ด ทุกคนเชื่อ นิสัยแบบนี้ไม่มีทางแก้หาย

 

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 19 มี.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโลกโซเชียลและเพจต่างๆทั่วทั้ง จ.ขอนแก่น ได้มีการเผยแพร่ภาพ ครอบครัวหัวร้อนปะทะกับคารมกับชาวบ้านและผู้ใหญ่บ้าน เหตุเกิดที่ บ. ดอนบม ม.10 ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น พร้อมข้อความว่าระบุว่า ” #ครอบครัวหัวร้อน กลับมาทวงบัลลังค์อีกแล้ว เวลาไม่ได้ช่วยให้ครอบครัวนี้เปลี่ยนแปลงความใจร้อนได้เลยหรือคะ ในคลิปถือมีดยาวจ้า ครอบครัวหัวร้อนที่ดังๆ ตอนนี้อยู่ ณ บ้านดอนบม จ. ขอนแก่น เหตุเกิดตอนกลางคืน 16 มีนาคม หาเรื่องไปทั่ว ด่าทุกคนที่ขวางหน้า ดูได้จากในข่าวทั่วๆไป ชาวบ้านต้องร่วมมือกันแล้วแบบนี้ ไล่มันออกไปพวกขยะสังคม อันธพาล เห็นแล้วสั่นแทนครอบครัว น่าเป็นห่วงแบบนี้”

ในเวลาต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยพบกับนายคมสัน กงเพชร ผู้ใหญ่บ้านบ้านดอนบม ซึ่งได้พาดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่ ที่สามารถบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดเอาไว้ รวมทั้งมูลเหตุของเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้น โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 21.30 น. วันที่ 16 มี.ค. ที่ผ่านมา กลุ่มของครอบครัวหัวร้อน 3 คน ถือถังน้ำพร้อมถุงขยะเดินออกมาจากซอยที่พักอาศัย ก่อนที่หญิงเสื้อขาวจะโยนขยะไปยังถังขยะที่อยู่เยื้องกับบ้านของผู้ใหญ่บ้าน แต่ไม่ลงถัง แล้วพากันเดินไปกดน้ำใส่ถังซึ่งเป็นตู้หยอดเหรียญตั้งอยู่ห่างออกไปประมาณ 50 เมตร โดยมีชายเสื้อดำคือนาย ทับทิบ ซ้ายบุรี เดินออกมาที่กลางถนนหน้าบ้าน แล้วพูดบอกให้ทางฝ่ายครอบครัวหัวร้อนทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทาง เพราะจะกลายเป็นความเดือดร้อนของชาวบ้าน สุนัขก็จะมาคุ้ยขยะทำให้ขยะกระจัดกระจายเกลื่อนถนน และถังขยะก็ไม่ได้เต็มหากทิ้งให้ลงถังก็ไม่มีปัญหา ผ่านไปสักพัก ทั้ง 3 คนเดินกลับมาพร้อมโทรเรียกเพื่อนๆขับรถยนต์กระบะสีขาวมาที่เกิดเหตุก่อนจะมีปากเสียงและมีการเขวี้ยงขยะอีกครั้งจากฝ่ายครอบครัวหัวร้อน ซึ่งมีปากเสียงกันอยู่นานเกือบ20 นาทีกลุ่มครอบครัวหัวร้อนก็พากันขึ้นรถแล้วขับออกไปก่อนที่จะกลับย้อนมาและส่งเสียงด่าทอชาวบ้านจนมีการปะทะคารมกันขึ้นอีกครั้ง กระทั่งผ่านไปอีกประมาณ 10 นาที ทั้งสองฝ่ายก็แยกย้ายกันโดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และเหตุการณ์ต่อมาในช่วงเช้าวันที่ 17 มี.ค.2564 กลุ่มชายหัวร้อนนั่งอยู่ท้ายกระบะสีขาวรวมทั้งหมดที่อยู่ในรถจำนวน 17 คน ผ่านมาที่หน้าบ้านผู้ใหญ่บ้านและย้อนกลับมาเดินเข้าไปหาผู้ใหญ่บ้าน กระทั่งมีการปะทะคารมณ์กับผู้ใหญ่บ้านเกิดขึ้นโดยทางลูกสาวของผู้ใหญ่บ้านได้ทำการถ่ายคลิปเหตุการณ์เอาไว้ทั้งหมด ซึ่งมีการปะทะคารมณ์ว่าผู้ใหญ่บ้านไม่เป็นกลางเอนเอียงเข้าข้างลูกบ้านตัวเอง และต้องการให้ผู้ใหญ่บ้านดำเนินคดีกับอีกฝ่ายที่มาหาเรื่องตอนเกิดเหตุกรณีของการทิ้งขยะ ซึ่งผู้ใหญ่บ้านยืนยันว่าการเอาผิดตามกฎหมายเป็นหน้าที่ตำรวจ ส่วนตัวเองมีหน้าที่เรียกสองฝ่ายมาประนีประนอมกัน แต่กลุ่มครอบครัวหัวร้อนไม่ฟังและสั่งสอนผู้ใหญ่บ้านว่าต้องทำนั่นทำนี่จึงจะถูกต้อง พร้อมบอกผู้ใหญ่บ้านว่าจะเอาคลิปส่งให้นักข่าวร้องเรียนผ่านนักข่าวให้ผู้ใหญ่บ้านโดนตรวจสอบ ก่อนที่จะผ่านไปประมาณ 15 นาที กลุ่มครอบครัวหัวร้อนก็พากันขึ้นรถเดินทางต่อไปยังจังหวัดร้อยเอ็ด

 

นายศิริชัย ภาบพุทธา อายุ 22 ปี คนที่เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ในวันที่เกิดเหตุอยู่ในบ้าน ใกล้กับที่ตั้งถังขยะ ก็ได้ยินเสียงคนพูดว่า ทิ้งขยะทิ้งให้เป็นที่ ทิ้งลงถังด้วย จากนั้นก็มีเสียงคนโวยวายลั่นถนน และมีเสียงคล้ายคนทะเลาะกันจึงออกมาดู พบฝ่ายคนทิ้งขยะโวยวายด้วยคำหยาบคายรวมถึงโทรศัพท์เรียกพรรคพวกมา ไม่นานพรรคพวก ซึ่งเป็นผู้ชายก็ขับรถยนต์ สีขาว ไม่ทราบยี่ห้อ ป้ายแดง มาที่จุดดังกล่าวพร้อมอาวุธที่มีทั้งไม้และมีดยาว

 

“ขณะนั้นมีชาวบ้านพูดขึ้นว่า พวกนี้คือครอบครัวหัวร้อนที่เห็นในข่าวบ่อยๆ ทำให้ฝ่ายทิ้งขยะ หัวร้อนมากขึ้น ทั้งที่สิ่งที่พี่ชายพูดไม่ใช่เรื่องผิด เพราะ ฝ่ายโวยวายนั้น เอาขยะมาทิ้ง แต่โยนทิ้ง ถุงขยะไม่ลงถัง พี่ชายจึงให้กลับมาเก็บขยะแล้วถึงลงถังใหม่อีกครั้ง สร้างความไม่พอใจให้ฝ่ายคนหัวร้อนเป็นอย่างมาก ญาติๆจึงพากันถ่ายคลิปในที่เกิดเหตุไว้ และในช่วงเกิดเหตุไม่มีใครข่มขู่ผู้หญิงแต่อย่างใด ไม่มีการถูกเนื้อต้องตัวกันด้วยประมาณ 1 ชั่วโมงจึงแยกเข้าบ้าน ต่อมาเช้าวันที่ 17 มี.ค.กลุ่มคนหัวร้อนขับรถผ่านหน้าบ้าน ตะโกนด่าด้วยคำหยาบคาย แต่ไม่ใส่ใจ เพราะต้องออกไปทำงาน ซึ่งทราบว่าในเช้าวันดังกล่าว กลุ่มคนหัวร้อนไปมีเรื่อง ด่าว่าผู้ใหญ่บ้านและคนในครอบครัวด้วย ซึ่งเรื่องดังกล่าวนั้นมองว่า ไม่ว่ากลุ่มครอบครัวหัวร้อนจะไปอยู่ที่ไหนก็มักจะมีเรื่องและนิสัยแบบนี้เชื่อว่าไม่มีวันแก้หายอย่างแน่นอน”

ขณะที่ นายคมสัน กงเพชร อายุ 51 ปี ผู้ใหญ่บ้าน บ้านดอนบม กล่าวว่า การเกิดเหตุช่วงกลางคืนนั้น ไม่อยู่ในเหตุการณ์เพราะออกไปข้างนอก มีเพียงภรรยา บอกให้ทราบว่า ลูกบ้านมีเรื่องกับกลุ่มผู้รับเหมา ที่มามุงหลังคาบ้าน ให้เพื่อนบ้านในหมู่บ้าน ซึ่งรับฟังแล้วก็จบไป กระทั่งช่วงเช้า ก็มีกลุ่มคนหัวร้อนมาหาที่บ้าน พูดจาเอะอะโวยวาย ซึ่งตอนนั้นยังไม่ทราบว่า คนกลุ่มนี้คือกลุ่มครอบครัวหัวร้อน ซึ่งก็พูดจาด้วยเหตุผล แต่อีกฝ่ายไม่ยอมฟัง และบังคับให้เรียกคนที่มีเรื่องกันในตอนกลางคืนมาคุย จึงไม่เรียกให้ เพราะหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้าน คือ ประนีประนอม และถ้าหากฝ่ายใดไม่พอใจจะดำเนินคดีตามกฎหมายก็ให้ไปแจ้งความกับตำรวจ แต่ฝ่ายหัวร้อนไม่ฟัง คนกลุ่มนี้ไม่ฟังใคร ผัวเมียพูดกันคนละอย่าง ทั้งยังจะสั่งสอนเรา ให้เราทำตาม

“ผมไม่ได้เข้าข้างใคร เมื่อคุยกันไม่ได้ จึงไปทำธุระ จากนั้นฝ่ายคนหัวร้อนก็มาด่าลูกสาวผมด้วยคำหยาบคาย ต่างๆนาน ซึ่งลูกสาวได้ไปลงบันทึกประจำวันทีสภ.เมืองเก่าไว้เป็นหลักฐานแล้ว ได้สอบถามกับทางเจ้าของบ้าน ที่กลุ่มคนหัวร้อนมามุงหลังคาให้ จึงได้ทราบว่าเจ้าของบ้านก็ไม่รู้ว่าผัวเมียคู่นี้คือครอบครัวหัวร้อน เพราะเป็นการจ้างที่มีการจ้างงานกันมาหลายทอด ซึ่งขณะนี้งานเสร็จสิ้นแล้ว ครอบครัวหัวร้อนขนข้าวของไปหมดแล้ว ซึ่งทราบว่า จะไปทำงานที่ร้อยเอ็ด ส่วนจุดเกิดเหตุทั้งกลางคืนและกลางวันนั้น มีวงจรปิดบันทึกรายละเอียดไว้ได้ทั้งหมด”

Related posts